คนไทยกับเทศกาลงานบุญ คงไม่สามารถแยกจากกันได้
ตลอดทั้งปีเราจะมีประเพณี วัฒนธรรม ตามความเชื่อของชาวพุทธ แน่นอนว่าเมื่อมีงานบุญ ก็ขาดเทศกาลงานรื่นเริงไปเสียไม่ได้ ซึ่งคนไทยก็มักจะคิดถึงการเลี้ยง เหล้า ยา ปลาปิ้ง ตามวิถีแบบไทยๆ ที่ไม่ว่างานไหนๆ พี่ไทยก็เมา
แต่งานบุญที่ได้มีโอกาสไปร่วมครั้งนี้ต่างออกไป!!
ที่วัดประชุมพลแสน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งจัดงาน "ปั่นฝ้าย สายบุญ จุลกฐิน ถิ่นไทยวน" ที่มีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันตก สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี โรงพยาบาลสวนผึ้ง และสำนักงานจังหวัดราชบุรี ร่วมกันทำบุญและรณรงค์แนวคิดใหม่ให้ประเพณีไทย เพื่อสืบสานประเพณีดีๆ แบบไร้แอลกอฮอล์
กฐิน เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยจะมีพิธีในช่วงดังกล่าวซึ่งกำหนดไว้ว่าตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือสิ้นสุดในวันลอยกระทง งานทอดกฐินถือเป็นงานบุญที่มีปีละครั้ง โดยจัดขึ้นหลังจากออกพรรษาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ถือเป็นงานบุญครั้งใหญ่ในรอบปี
จุลกฐิน จะเป็นคำเรียกการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยต้องอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมาก เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภายในวันเดียว กล่าวคือ ต้องเริ่มตั้งแต่เก็บฝ้าย ตัดเย็บ ย้อม และถวายให้พระสงฆ์กรานกฐินให้เสร็จภายในเวลาเช้าวันหนึ่งจนถึงย่ำรุ่งของอีกวันหนึ่ง ดังนั้น โบราณจึงนับถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) ภายในระยะเวลาอันจำกัด โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ไพรัช บัวบังใบ ประธานวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน อธิบายถึงที่มาของการจัดจุลกฐินที่วัดประชุมพลแสน ซึ่งถือเป็นการรื้อฟื้นประเพณีโบราณขึ้นมาว่า แต่เดิมนั้น จุลกฐิน มักจะทำกับวัดที่ยังไม่ได้รับการทอดกฐิน ซึ่งจะเป็นช่วงใกล้หมดเทศกาลทอดกฐินแล้ว โดยจะระดมคนเก็บฝ้ายนำมาเข้ากระบวนการทอผ้า ตั้งแต่การแยกเมล็ดฝ้ายออก ดีดฝ้ายให้ปุย ทำให้กลายเป็นเส้นด้ายด้วยการเข้าหลอด และทอให้ได้ผ้าไตรจีวร ซึ่งจะทำให้เสร็จภายใน 1 วัน เพราะในอดีตไม่มีผ้าจีวรสำเร็จรูปขายเหมือนในปัจจุบัน จากนั้นจะนำผ้าที่ได้ไปทอดกฐิน โดยผ้าที่ได้จะเป็นผ้าฝ้ายสีขาว ซึ่งพระสงฆ์จะนำผ้าที่ญาติโยมถวายมาร่วมกันตัด เย็บและย้อม ถือเป็นการแสดงความสามัคคีของกลุ่มคนหลายฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งฝ่ายฆราวาสและพระสงฆ์
สิ่งที่แตกต่างของงานประเพณีในครั้งนี้ คือการรณรงค์ให้กลายเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแม้ว่าจะมีการรวมตัวของชาวบ้านจำนวนมาก แต่ก็ต่างพร้อมใจกันงดดื่ม และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในและนอกบริเวณวัด
ทำให้บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความศรัทธาและตั้งใจสร้างและสะสมความดีร่วมกัน และไม่ได้มีเพียงผู้เฒ่า ผู้แก่เท่านั้นที่ออกมาร่วมงาน แต่มีทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ขาโจ๋ ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งนอกจากการทอผ้าที่เป็นไฮไลต์ของงาน ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ด้านสุขภาพหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งการวิ่ง การจัดนิทรรศการ เพื่อให้ความรู้ในด้านต่างๆ การแสดงการละเล่น ซึ่งเมื่อปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ทำให้ผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วมงาน มีสติที่จะทำความดี ชื่นชมในสิ่งที่ดีๆ ร่วมกัน
ไพรัช บัวบังใบ /น.พ.ฉัทฐกร ธัญเกียรติ
น.พ.ฉัทฐกร ธัญเกียรติ ผอ.ร.พ.สวนผึ้ง อธิบายถึงความตั้งใจในการรณรงค์กฐินปลอดเหล้าในครั้งนี้ว่า ในช่วงเทศกาลงานบุญที่มีการสัญจรไปมาจำนวนมาก ปัญหาที่พบบ่อยมากคือเรื่องของอุบัติเหตุ และตัวการหลักที่ทำให้เกิดขึ้นคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ศาสนาและคำสั่งสอนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของชาวพุทธ จึงเป็นเรื่องง่ายในการเริ่มต้นรณรงค์ โดยใช้วัฒนธรรมเป็นสิ่งเชื่อมโยง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับการยอมรับจากประชาชน และภาคีเครือข่ายต่างๆ ในจังหวัด นอกจากวัดประชุมพลแสน จะสามารถกลายเป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์ได้ ยังมีอีก 400 วัดในจังหวัดราชบุรี ที่สามารถจัดงานแบบปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย
"สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นคือการยอมรับของประชาชน เพราะศาสนสถานทุกแห่งจะปลอดเหล้าได้ ก็เพราะญาติโยมให้ความร่วมมือไม่นำเหล้ามาเลี้ยงแขก หรือดื่มเหล้า ขายเหล้าในวัด ทำให้เจ้าภาพที่จะจัดงานทุกแห่งในจังหวัดราชบุรี พร้อมใจกันประกาศให้เป็นงานที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อเริ่มต้นจากงานบุญได้ เชื่อว่าในอนาคตก็จะสามารถทำให้เทศกาลอื่นๆ ที่มีเรื่องของศาสนา งานบุญเข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถทำให้ปลอดเหล้าได้ เช่น งานแข่งเรือยาว ที่จัดไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็สามารถประกาศเป็นงานปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้ว และขยายผลเป็นถึงการประกาศตำบล อำเภอสุขภาวะ และจังหวัดสุขภาวะ ซึ่งประชาชนล้วนใส่ใจสุขภาพได้"
คุณหมออธิบายอีกว่า ที่ต้องหันมาสนใจและลดพฤติกรรมบั่นทอน สุขภาพต่างๆ เพราะการเจ็บป่วยในปัจจุบันเปลี่ยนไป คนในชนบทไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อเป็นลำดับต้นๆ อีกแล้ว แต่กลายเป็นการเจ็บป่วยด้วยโรคด้านพฤติกรรมที่เกิดจากการกิน การอยู่อย่างไม่ถูกไม่เหมาะสม เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อุบัติเหตุ ซึ่งล้วนแต่สามารถป้องกันได้ หากทุกคนเข้าใจและร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม คณะกรรมการกองทุน สสส. อธิบายว่า การรณรงค์เทศกาลงานบุญปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ทำอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว และมีจังหวัดที่ประสบความสำเร็จอย่างดี เช่น จ.นครราชสีมา ซึ่งมีวัดมากที่สุดในประเทศไทยถึง 1,900 วัด ก็สามารถขับเคลื่อนโครงการนี้ได้สำเร็จด้วยดี จึงมีการขยายโครงการไปในจังหวัดต่างๆ และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากขึ้น เพราะสิ่งที่ได้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
แน่นอนว่าเมื่อไร้แอลกอฮอล์ ใจและกายก็มีสติ พร้อมที่จะรับรู้ในสิ่งที่ดี ที่เป็นมงคลต่อชีวิตตนเอง
การทำบุญ ก็จะได้บุญอย่างแท้จริงที่มา-น.ส.พ.ข่าวสดออนไลน์
http://goo.gl/EnQNr